นวัตกรรม 3.0 การสร้างนวัตกรรมที่รูปแบบธุรกิจใหม่
หลายๆ ครั้งที่มีผู้ถามผมว่า นวัตกรรมจำเป็นต้องเป็นเรื่องไฮเทคเสมอไปหรือเปล่า? จะต้องเป็นแต่ของทันสมัยที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้นหรือ? ซึ่งผมมักจะตอบไปตามทฤษฎีว่า นวัตกรรมมันมีอยู่ด้วยกันใน 2-3 เรื่อง อย่างแรกคือ นวัตกรรมในตัวสินค้า อย่างสองคือ นวัตกรรมในการบริการ และอย่าง สุดท้ายคือ นวัตกรรมของรูปแบบธุรกิจใหม่
สิ่งที่นักวิชาการให้ความสนใจกันในยุคแรกๆ ของวงการศึกษาเรื่องนวัตกรรมก็คือ นวัตกรรมในตัวสินค้านั่นเอง ตัวอย่างที่ยกกันบ่อยมากจนเป็นกรณีศึกษาอมตะคือ Post-it note ของ 3M อันนี้เห็นได้ชัดเจนว่าความเป็นนวัตกรรมอยู่ที่ตัวสินค้านั่นเอง ตัวอย่างอื่นๆ ก็มีมากมายตั้งแต่ i-Pod, กล้องดิจิทอล, Notebook, Segway, ยาไวอากร้า ฯลฯ นวัตกรรมในตัวบริการก็มีมากมายเช่นกัน อาทิ เว็บไซต์, YouTube, Yahoo, Google, MySpace, Amazon ฯลฯ ซึ่งพวกนี้มักพัฒนาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศนั่นเอง แม้ในธุรกิจภาคบริการแท้ๆ เช่น ธนาคาร โรงแรม การบิน ฯลฯ ก็มีนวัตกรรมของตัวเองอย่างต่อเนื่องตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ภาคบริการนัยหนึ่งจึงเป็นผู้ใช้นวัตกรรมในสินค้าบางอย่างเพื่อพัฒนามาเป็นนวัตกรรมของตัวเองด้วยเช่นกัน จุดเด่นของความเป็นนวัตกรรมในภาคบริการคือ "แนวคิด" ที่จะสร้างธุรกิจใหม่ของตนบนฐานความรู้ บางอย่างที่เป็นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการก้าวกระโดดไปสู่การสร้างนวัตกรรมของตนเอง ส่วนตัวสุดท้ายคือ นวัตกรรมในแง่ของการสร้างสรรค์ รูปแบบธุรกิจใหม่ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ที่สนใจในประเด็นนี้กันมาก เพราะถือเป็นเรื่องใหม่และเป็นการสร้างนวัตกรรมในมุมมอง ของการบูรณาการศาสตร์หลายๆ อย่าง ตัวอย่างที่ยกกันมากคือ รูปแบบธุรกิจของร้าน Starbucks ที่กล่าวในหมู่ผู้รู้ทั้งหลายว่า ไม่ได้เป็นธุรกิจขายกาแฟ แต่เป็นธุรกิจขายประสบการณ์ของการนั่งดื่มกาแฟในบรรยากาศที่อบอุ่นเสมือนบ้านหลังที่สอง อันนี้ เป็นมุมมองของนักการตลาดที่ปรับเปลี่ยนแนวคิดไปตามรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ ซึ่งบ้านเราก็มีพอจะเทียบเคียงได้บ้างคือ บ้านไร่กาแฟ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เปลี่ยนโฉมหน้าร้านกาแฟไทยทำให้ดูดีมีราคาและดึงดูดใจ คำว่า รูปแบบธุรกิจ นี้น่าสนใจมาก เพราะลึกๆ แล้วมันหมายถึงว่าท่านจะมี "กลยุทธ์" อะไรในการดำเนินธุรกิจ แน่นอนการทำธุรกิจประเภท "คุณทำดี ผมเอาด้วย" (Me too) มันไม่ยั่งยืนแน่ๆ แม้จะทำให้เรามีรายได้แบบ short gun สิงห์คาวบอยในระยะแรก แต่ไม่นานมันก็จะเกิดปรากฏการณ์ "ผมด้วย" "ดิฉันด้วย" "หนูด้วย" ฯลฯ ตามมา และเมื่อคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความคุ้มทุนก็จะโบกมือลาท่านไปในที่สุด ตัวอย่างใกล้ตัวคือ Rotti boy ที่มาเร็วและแรงเหลือเกิน จนก่อให้เกิดพ่อบุญธรรมแม่บุญธรรมมากมายในระยะสั้นๆ ตั้งแต่ Rotti mom, Rotti dad ฯลฯ ทำให้อายุของธุรกิจนั้นสั้นจนน่าใจหาย จริงอยู่ว่าคนทำก่อน รวยก่อนแน่นอน แมงเม่าตัวสุดท้ายก็เน่าไป ถ้ารูปแบบธุรกิจของท่านเป็นอย่างนั้นแล้วไซร้ ท่านจะอยู่ในวังวนของการทำธุรกิจสั้นๆ ที่ไม่ยั่งยืน ความสำเร็จอยู่ที่ใครทำก่อนได้ก่อน ท่านก็ต้องแข่งกันอย่างมาก แข่งจนล้าในบางครั้ง และก็อาจจะแข่งกันไปตายในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจสิ่งที่จะช่วยให้รอด ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในสากลโลกหรอกมันคือ รูปแบบธุรกิจ ที่เป็นตัวของท่านเองต่างหาก และที่สำคัญมันไม่น่าเหมือนใคร ต้องมีความแตกต่างพอสมควรที่จะช่วยให้ "ไปรอด" และถ้าคุณเจ๋งจริงก็ "ไปโลด" แต่แค่กลยุทธ์ที่ดีโดยลำพังคงไม่พอ ถ้าท่านไม่มีความสามารถในการปฏิบัติให้ได้ตามกลยุทธ์ที่ว่านั่น ซึ่งก็คล้ายๆ กับนวัตกรรมในภาคบริการนั่นเองที่ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ทั้งความรู้ในเรื่องพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจ และความรู้ในมิติอื่นๆ เชิงกลยุทธ์ที่รู้แล้วจะช่วยให้ท่านเอาชนะคู่แข่งได้อย่างขาดลอยในยุคนวัตกรรม 1.0 ที่เมืองไทยเวลานี้นะครับ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ท่านผู้ประกอบการจะได้หันมาลองดูนวัตกรรมด้านรูปแบบธุรกิจบ้าง เพราะยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนพิจารณาแต่การ สร้างนวัตกรรมในสินค้ากันเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วไปที่นวัตกรรม 2.0 ที่แม้แต่ธุรกิจการผลิตใหญ่ๆ อย่าง GE, IBM ก็มุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมบริการกันมากขึ้น สิ่งที่จะช่วยให้ท่านก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็วคือ การก้าวไปสู่นวัตกรรม 3.0 คือ เวอร์ชั่นของการสร้างนวัตกรรมที่รูปแบบธุรกิจใหม่ ซึ่งไม่ว่าทุนท่านจะหนาหรือจะบางแตกต่างกัน ก็ไม่มีข้อขีดคั่นจำกัดความสามารถในการสร้างนวัตกรรมของท่านถึงตรงนี้ก็คงตอบคำถามข้างต้นได้ระดับหนึ่งแล้วว่า การเปลี่ยนมุมมอง วิสัยทัศน์ และแนวคิดบางอย่าง ก็ช่วยให้ท่านรังสรรค์นวัตกรรมชั้นเลิศได้เช่นกัน ไม่เฉพาะต้องมีงานวิจัยและพัฒนาชั้นเยี่ยมเท่านั้นที่จะสร้างนวัตกรรมได้เพียงช่องทางเดียว เพราะนวัตกรรมไม่ได้หมายความถึงแต่เรื่องเทคโนโลยีหรือสินค้าไฮเทค การเปลี่ยนหรือสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากไม่แพ้กัน
ปรีดา ยังสุขสถาพรผู้จัดการฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
บทความเผยแพร่ ประจำเดือน กค.51
13 กรกฎาคม 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น